Halaman ini mungkin berisi konten pihak ketiga, yang disediakan untuk tujuan informasi saja (bukan pernyataan/jaminan) dan tidak boleh dianggap sebagai dukungan terhadap pandangannya oleh Gate, atau sebagai nasihat keuangan atau profesional. Lihat Penafian untuk detailnya.
Recession adalah apa? Investor harus tahu 3 hal agar tidak mengalami kerugian
เศรษฐกิจที่เติบโตนำมาซึ่งความมั่งคั่ง แต่เมื่อ recession คืออะไร คำถามนี้จึงมีความสำคัญเท่าเทียม เพราะช่วงเศรษฐกิจถดถอยสามารถกัดกร่อนกำไรจากการลงทุนได้อย่างรวดเร็ว
Recession แปลว่าอะไร และแตกต่างจาก Depression อย่างไร
Recession คือภาวะชะลอตัวของกิจกรรมเศรษฐกิจในวงกว้างเป็นระยะเวลานาน โดยทั่วไปนักเศรษฐศาสตร์ใช้ตัวชี้วัดหลายประการเพื่อยืนยันการเข้าสู่ recession—ไม่ว่าจะเป็น GDP ที่ถดถอย 2 ไตรมาสติดต่อกัน การจ้างงานที่ลดลง หรือปริมาณการผลิตที่หดตัว
สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐ (NBER) ได้นิยาม recession ว่า “การลดลงของกิจกรรมเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน” โดยพิจารณาจาก GDP รายได้ การจ้างงาน การผลิต และยอดค้าปลีก
ในขณะที่ recession แปลเป็น “ถดถอย” นั้น Depression (ตกต่ำ) เป็นกรณีที่รุนแรงกว่ามาก—คือการถดถอยติดต่อกันนานกว่า 3 ปีโดย GDP ติดลบเกิน 10% Great Depression ในอเมริกา (1929-1939) ยาวนาน 10 ปี พร้อมอัตราว่างงานสูงกว่า 25% ถือเป็นตัวอย่างที่โหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจสมัยใหม่
ตัวการที่ทำให้เกิด Recession—และทำไมจึงยากที่จะคาดการณ์
Recession ไม่ได้เกิดจากเหตุเดียว แต่มาจากการผสมผสานของปัจจัยหลายประการ:
วิกฤตจากภาครัฐ: การลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อบ่อยครั้งจนเกินไปจะนำมาซึ่งการชะลอตัวของการบริโภคและการลงทุน ตัวอย่างเช่น วิกฤตน้ำมันในทศวรรษ 1950-1970s ที่ทำให้ต้นทุนการผลิตพุ่งขึ้น
หนี้ที่สะสม: ก่อนวิกฤตการเงิน 2007 ภาคอสังหาริมทรัพย์พยุงตัวสูงขึ้นพร้อมการขยายเครดิตที่ไม่มีสติ เมื่อราคาบ้านปรับลงเครื่องมือทางการเงินที่พัฒนาแบบไม่ดีก็พังทลายตามมา ความสูญเสียจากภาคการเงินลามเข้าระบบเศรษฐกิจจริงจนกระทั่ง GDP หดตัว 5.1%
ความต้องการต่างประเทศที่ลดลง: สำหรับประเทศที่พึ่งพิงการส่งออก recession ในตลาดหลัก (สหรัฐ จีน เยอรมัน ญี่ปุ่น) จะส่งผลกระทบทีละลงไปยังประเทศคู่ค้า
ตัวดำเนินการทางจิตสำนึก: ความภัยแล้ง ไวรัส หรือเหตุการณ์โลกตัวอักษร (เช่น 9/11) ที่ทำให้เกิดการหยุดชะงักในการบริโภคและการผลิตอย่างกะทันหัน
3 วิกฤตของอเมริกา ตั้งแต่ปี 2000—แล้วราคาสินทรัพย์ทำให้อะไรบ้าง
📉 วิกฤตเทคโนโลยี (The Dot-Com): 8 เดือนที่โลกลืม (มีนา-พ.ย. 2001)
ระดับ NASDAQ100 ปรับลง 82%—จากจุดสูงสุด 4,861 ตกเหลือ 850 อัตราว่างงานพุ่งถึง 6.3% GDP ติดลบเพียง 0.3% ถือว่ารวดเร็วและเบา
อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ 9/11 ซ้ำเติมทำให้ FED ลดอัตราดอกเบี้ยจาก 6.5% (ก.ค. 2000) เหลือ 1% (ก.ค. 2003) การกระตุ้นอย่างรวดเร็วนี้ทำให้เศรษฐกิจกลับมาเติบโตได้ในเวลาไม่นาน
🏚️ วิกฤตที่ใหญ่ที่สุด (The Great Recession): 18 เดือนของความทรมาน (ธ.ค. 2007-มิ.ย. 2009)
GDP ติดลบถึง 5.1%—อัตราว่างงานขึ้นไปถึง 10% ห้องแล้ว ดัชนีบ้านปรับขึ้นจาก 140 (2000) เป็น 220 (2006-2007) จนกระทั่งปัญหามอร์ตเกจซับไพรม์กระเบิดขึ้น
ธนาคารกลางสหรัฐต้องเรียกใช้ Quantitative Easing (QE) กว่า $1.75 ล้านล้าน ลดอัตราดอกเบี้ยเป็นศูนย์ทำ QE ถึง 3 ครั้ง (2009, 2010, 2012) ฟื้นตัวใช้เวลากว่า 7 ปี
😷 วิกฤตโควิด (The COVID-19): 2 เดือนแห่งความวุ่นวาย (ก.พ.-เม.ย. 2020)
GDP ตกเหว่อ 19.2%—อัตราว่างงานพุ่ง 14.7% จากเดิม 3.5% ทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาเพียง 2 เดือน
บ่มเข้ามีค่าใหญ่สุด: QE4 ส่งงบดุล FED ขยายตัวจาก $4.1 ล้านล้าน เป็นเกือบ $9 ล้านล้าน อัตราดอกเบี้ยเสียที่ 0.25% นานถึงมีนา 2022
ความหวาดระหว่าง Recession: สินทรัพย์ไหนขึ้น สินทรัพย์ไหนลง
เมื่อ recession มาถึง Risk-off sentiment จึงเกิดขึ้น นักลงทุนแย่งหนีจากสินทรัพย์เสี่ยงไปหาสินทรัพย์ปลอดภัย ดูจากสถานการณ์ COVID-19:
จุดแคะ: เมื่อภาครัฐปั้นเงินเพิ่ม (QE) สกุลเงินจึงมีแนวโน้มอ่อนค่า การกระจายความเสี่ยงในประเภทสินทรัพย์ต่างๆ จึงสำคัญกว่าการพึ่งพาสินทรัพย์ “ปลอดภัย” เพียงอย่างเดียว
✋ 3 สิ่งที่นักลงทุนต้องหลีกเลี่ยง เมื่อ Recession กำลังจะมา
❌ ไม่ควรทำ #1: เพิ่มสินทรัพย์เสี่ยง
สินทรัพย์เสี่ยง (หุ้น คริปโต แฟ้มเจอร์) ในช่วง recession มีโอกาสขาดทุนสูง การเล่นลูกไข่ทั้งไข่เข้าเดิมพันเสี่ยงคือการแพ้ก่อนเล่น
❌ ไม่ควรทำ #2: ก่อหนี้สูง
ทุก recession คือโอกาสเข้าแบกหา ที่ราคาถูก แต่ถ้ามีหนี้สูง รายได้ต้องไปชำระหนี้ก่อน ไม่มีเงินเหลือลงทุนเลย บัตรเครดิตที่ใจไม่ป่นผ่า ก่อหนี้อะไรก็เป็นศัตรูของการเติบโตระยะยาว
❌ ไม่ควรทำ #3: กู้ดอกเบี้ยลอยตัว (ARM)
ต้นของ recession รัฐบาลลดดอกเบี้ย แต่เมื่อฟื้นตัว ดอกเบี้ยก็ปรับขึ้นไป ARM ทำให้คุณตกใจเมื่อเห็นบิลการชำระหนี้พุ่งขึ้น เลือก FRM (Fixed-Rate Mortgage) แล้วล็อกอัตราไว้ตลอดสัญญา
✅ 3 สิ่งที่นักลงทุนควรทำ เมื่อ Recession มาถึง
✓ ควรทำ #1: หมุนไปยังสินทรัพย์ปลอดภัย
ทองคำ พันธบัตร หรือสินทรัพย์คงที่ที่ให้ผลตอบแทนเสถียร ช่วงต้น recession สินทรัพย์เหล่านี้จะเป็นโล่ป้องกันพอร์ต
✓ ควรทำ #2: ยึดแหล่งรายได้ประจำ
งานประจำ freelance ที่มั่นคง หรือพอร์ตรายได้ที่หลากหลายคือเงินทุนทำให้คุณ “ซื้อที่ราคาถูก” ในช่วง recession นักลงทุนที่มีเงินสดพร้อมจึงเป็นผู้ชนะ
✓ ควรทำ #3: ล็อกอัตราดอกเบี้ยตอนนี้
หากคิดจะกู้ซื้อบ้านหรือลงทุนอื่น ช่วง recession ท่าที่ดอกเบี้ยต่ำ คุณควรปิดการเงินตอนนี้ด้วยอัตราคงที่ (FRM) อัตราต่ำนี้จะมีมูลค่ามหาศาล 10-20 ปีข้างหน้า
สรุป: Recession ไม่ใช่สิ้นชีวิต แต่เป็นโอกาสสำหรับผู้พร้อม
การหนึ่ง Recession คือการสอบไหล่ของพอร์ตการลงทุน—หากรอดได้ ผลตอบแทนระยะยาวจึงหลาย มากขึ้น
นักลงทุนที่มากประสบการณ์ไม่พยายามคาดการณ์ recession (ทำยากจริง) แต่เตรียมพอร์ตโต้ตอบทุกสถานการณ์แทน การกระจายความเสี่ยง รักษาเงินสด และรักษาจิตใจให้ปราณีติคือสูตรชนะ
Recession คืออะไร? มันเป็นช่วงเวลาที่คนซื้อแพง คนขายถูก นักลงทุนที่ยืนหยัดได้จึงเป็นคนซื้อราคาถูก และกำไรขั้นมหาศาลในภายหน้า