Instrumen utang dasar: Menghitung hasil pengembalian, membandingkan dengan saham, dan panduan investasi tahun 2567

เมื่อไรที่ตราสารหนี้เข้ามาเป็นตัวเลือก

ท่ามกลางสภาพการลงทุนที่ผันผวน เงินทุนของคุณต้องหาพื้นที่ปลอดภัยแต่ยังคงโตได้ หุ้นดูเสี่ยงเกินไป ทองคำราคาสูงแล้ว ส่วนเงินฝากในธนาคารให้ผลตอบแทนแค่หนัก ๆ มี ตราสารหนี้ (Bonds) ซึ่งเป็นเครื่องมือลงทุนที่มักถูกมองข้าม แต่สามารถเติมเต็มพื้นที่ว่างในพอร์ตโฟลิโอของคุณได้อย่างไม่น้อย

ตราสารหนี้หมายถึงอะไร อยู่ๆ

หากต้องอธิบายง่าย ๆ ตราสารหนี้คือเอกสารที่มีนัยว่า “ฉันเป็นหนี้คุณ” เขียนเป็นทางการ ผู้ที่ซื้อตราสารหนี้ (เจ้าหนี้) มีสิทธิเรียกร้องให้ผู้ออกตราสาร (บริษัทหรือรัฐบาล) ส่งเงินต้นและดอกเบี้ยคืนตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้

ทั้งผู้ออกและผู้ถือตราสารหนี้ต่างอยู่ในลำดับชั้นทางการเงิน ผู้ถือตราสารหนี้มีสิทธิรับชำระหนี้ก่อนผู้ถือหุ้น ดังนั้นความเสี่ยงจึงต่ำกว่า แต่ผลตอบแทนก็ไม่สูงเท่ากับการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากกว่า

แนวเขาความเสี่ยง 5 ประการ

ก่อนซื้อ ตราสารหนี้ ควรรู้จักความเสี่ยงต่อไปนี้

1) ความเสี่ยงจากการผิดนัด – ถ้าบริษัทหรือรัฐบาลล้มละลาย คุณอาจหวังเงินต้นกลับมาไม่ได้

2) ความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย – หากคุณซื้อตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทน 3% แล้วอัตราตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 5% คุณจะเสีย opportunity cost อย่างมาก

3) ความเสี่ยงจากสภาพคล่อง – ตราสารหนี้บางชนิดไม่มีตลาดซื้อขายที่สด และอาจต้องรอถูกต้องให้กว่าจะมีผู้รับซื้อ

4) ความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ – ถ้าเงินเฟ้อสูงกว่าดอกเบี้ยที่ได้ จำนวนเงินที่ได้กลับจะมีคุณค่าน้อยลง

5) ความเสี่ยงจากการนำเงินไปลงทุนต่อ – เมื่อตราสารหนี้ครบกำหนด หากไม่หาทางลงทุนที่ดีต่อ คุณอาจต้องตัดสินใจภายใต้ความกดดันเวลา

โครงสร้างตราสารหนี้: สิทธิแฝง 3 แบบที่ต้องระวัง

นอกจากผลตอบแทนพื้นฐานแล้ว ตราสารหนี้บางตัวมาพร้อมกับ “สิทธิเพิ่มเติม” ที่ส่งผลต่อการลงทุนของคุณ

Callable (ผู้ออกสิทธิไถ่ถอนก่อนกำหนด) – บริษัทสามารถคืนเงินต้นให้คุณก่อนครบกำหนดตั้งแต่เริ่ม ดูเหมือนดี แต่จริง ๆ คุณจะเสียโอกาสได้ดอกเบี้ยในอนาคต

Puttable (ผู้ถือสิทธิไถ่ถอนก่อนกำหนด) – คุณสามารถขายตราสารหนี้คืนให้ผู้ออกได้ก่อนครบกำหนด หากเงื่อนไขตลาดเปลี่ยนไปเพื่อความลำบากของคุณ

Convertible (แปลงสภาพเป็นหุ้น) – ผู้ออกให้คุณเลือกแปลงตราสารหนี้เป็นหุ้นสามัญ ราคาและเวลาตามที่ระบุไว้ ลูกเล่นนี้ให้ผู้ออกอยู่ต่ำกว่า แต่บางครั้งสุดดีต่อผู้ลงทุนด้วย

ประเภทตราสารหนี้ที่มี: เลือกตัวไหน

ตราสารหนี้มีหลายชนิด แล้วแต่ว่าคุณหลังไร

แบ่งตามผู้ออก:

  • พันธบัตรรัฐบาล (ปลอดภัยแต่ดอกเบี้ยต่ำ)
  • พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ (ปลอดภัยระดับกลาง)
  • หุ้นกู้เอกชน (ดอกเบี้ยสูงขึ้น แต่ความเสี่ยงเพิ่มตามไป)

แบ่งตามสิทธิในการเรียกร้อง:

  • หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ (ได้รับชำระเท่าเทียมกับเจ้าหนี้อื่น)
  • หุ้นกู้ด้อยสิทธิ (ต้องรอให้ชำระเจ้าหนี้อื่นก่อน)

แบ่งตามวิธีจ่ายดอกเบี้ย:

  • จ่ายสม่ำเสมอ (ปีละ 2 ครั้ง เช่น)
  • ทบดอกเบี้ย (จ่ายครั้งเดียวตอนไถ่ถอน)
  • ไม่มีดอกเบี้ย (ซื้อราคาต่ำกว่า ได้ผลตอบแทนจากราคาส่วนต่าง)

แบ่งตามอัตราดอกเบี้ย:

  • อัตราคงที่ (Fixed Rate – รู้ผลตอบแทนแน่ชัด)
  • อัตราลอยตัว (Floating Rate – เปลี่ยนตามดัชนีอ้างอิง)

คำนวณผลตอบแทน ไม่ต้องยุ่งยาก

ยกตัวอย่าง: ซื้อ ตราสารหนี้ ราคาหน้าคูปอง 10,000 บาท ให้ผลตอบแทน 8% ต่อปี จ่ายปีละ 2 ครั้ง ระยะเวลา 4 ปี

  • ดอกเบี้ยต่อครั้ง = 10,000 × (0.08 ÷ 2) = 400 บาท
  • ดอกเบี้ยต่อปี = 400 × 2 = 800 บาท
  • รวม 4 ปี = 800 × 4 = 3,200 บาท
  • รวมเงินต้นและดอกเบี้ย = 10,000 + 3,200 = 13,200 บาท

ตัวเลขนี้ไม่คำนึงถึงเงินเฟ้อ จึงเป็นการคำนวณแบบหยาบ ๆ แต่ก็พอให้คุณเห็นภาพ

ตลาด 2 ชั้น: ซื้อตอนไหน ขายตอนไหน

ตลาดแรก (Primary Market) – คุณซื้อโดยตรงจากผู้ออกตราสารหรือผ่านสถาบันวิจัย ราคา อัตราดอกเบี้ย และระยะเวลา เป็นแบบ “Take it or leave it” ครั้งแรกเท่านั้น

ตลาดรอง (Secondary Market) – ถ้าคุณไม่อยากถือจนครบกำหนด หรือต้องการซื้อจากคนที่ถือไว้แล้ว ตลาดนี้คือ BEX (Bond Electronics Exchange) ในประเทศไทย ติดต่อผ่านโบรกเกอร์ได้ เช่นเดียวกับซื้อขายหุ้น โดยชำระคืน T+2 (2 วันทำการ)

ลงทุนตราสารหนี้ปี 2567: ดีจริงหรือ?

ข้อดีของการลงทุนในตราสารหนี้ ตรงนี้ยังจริง

  1. เลือกระยะเวลาได้หลากหลาย – ตั้งแต่ 1 วัน ไปจนถึง 20 ปี

  2. กระแสเงินสดสม่ำเสมอ – ถ้าเลือกตราสารหนี้ที่จ่ายดอกเบี้ยปกติ คุณจะได้เงินมาคร่ำครวญ ไม่ต้องรอครั้งสุดท้าย

  3. ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากปกติ – ผลตอบแทนที่เสนอมานั้นสูงกว่าที่ธนาคารให้อยู่บ้าง

  4. ความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้น – สิทธิในการเรียกร้องของคุณมาก่อน ดังนั้นโอกาสสูญเสีย ต่ำกว่า

  5. มีสภาพคล่องพอส – ไม่ต้องจำนวนคนจำนวนมากเพื่อซื้อขาย

ตราสารหนี้ แข่งกับ หุ้น ใครชนะ?

นี่คือคำถามที่จริง ๆ คนมักถาม มาดูความแตกต่างกัน

หัวข้อ หุ้น ตราสารหนี้
ผลตอบแทน สูงอาจถึง 15-20% ต่อปี อยู่ที่ 2-8% ตามความเสี่ยง
ความผันผวน สูงมาก อาจลด-เพิ่ม 5-10% ต่อวัน ต่ำกว่า เพราะดอกเบี้ยคงที่
สิทธิการเรียกร้อง ต้องรอหลังคนอื่น ๆ หมด ได้รับชำระหน้า
วิธีวิเคราะห์ ต้องศึกษากำไร บริหาร อุตสาหกรรม ต้องดูความสามารถชำระหนี้ อัตราดอกเบี้ยตลาด

ตอนนี้มาตัดสินใจว่าอันไหนดีกว่า

หากคุณยังหนุ่มสาว รับความเสี่ยงได้ หลังไปลงทุนในหุ้น เวลายังมีให้คุณกู้คืนจากการสูญเสีย

หากคุณใกล้เกษียณ อยากมีความสุข ตราสารหนี้อาจดีกว่า ลดความเครียดจากการดูตลาดทุกวัน

สูตรที่ใช้ได้กับคนหลายคน: หุ้น + พันธบัตร = “ยุทธศาสตร์สมดุล” ได้ผลตอบแทนพอ แต่ไม่ระคายอาการต่อหัวเกินไป

ปิดการค้า

ตราสารหนี้ ไม่ใช่เครื่องมือลงทุนที่น่าเบื่อแบบที่หลายคนคิด แต่เป็นกลไกที่ช่วยให้การลงทุนของคุณมีเสถียรภาพได้ โดยไม่ถูกล้วงลํ้าจากความผันผวนของตลาด ในยุคนี้ เมื่อข้อมูลและช่องทางการซื้อขายทั้งหมดเปิดกว้าง การเลือกเครื่องมือลงทุนให้ถูก ๆ จะขึ้นอยู่กับว่าคุณรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ไหน่แน่วลงทุนจากตราสารหนี้ สำหรับใครที่ต้องการสมดุลระหว่างความปลอดภัยและผลตอบแทน นั่นอาจเป็นคำตอบที่คุณหนึ่งแค้ว

Lihat Asli
Halaman ini mungkin berisi konten pihak ketiga, yang disediakan untuk tujuan informasi saja (bukan pernyataan/jaminan) dan tidak boleh dianggap sebagai dukungan terhadap pandangannya oleh Gate, atau sebagai nasihat keuangan atau profesional. Lihat Penafian untuk detailnya.
  • Hadiah
  • Komentar
  • Posting ulang
  • Bagikan
Komentar
0/400
Tidak ada komentar
  • Sematkan

Perdagangkan Kripto Di Mana Saja Kapan Saja
qrCode
Pindai untuk mengunduh aplikasi Gate
Komunitas
Bahasa Indonesia
  • 简体中文
  • English
  • Tiếng Việt
  • 繁體中文
  • Español
  • Русский
  • Français (Afrique)
  • Português (Portugal)
  • Bahasa Indonesia
  • 日本語
  • بالعربية
  • Українська
  • Português (Brasil)