Esta página pode conter conteúdos de terceiros, que são fornecidos apenas para fins informativos (sem representações/garantias) e não devem ser considerados como uma aprovação dos seus pontos de vista pela Gate, nem como aconselhamento financeiro ou profissional. Consulte a Declaração de exoneração de responsabilidade para obter mais informações.
Investidores devem estar atentos: O que causa 'dívida' e como evitá-la
ในวงการเงินการลงทุน คำว่า “ติดดอย” ถือเป็นศัพท์เฉพาะที่ทุกนักลงทุนต้องการหลีกเลี่ยง อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์นี้ยังคงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เนื่องจากมาจากพฤติกรรมการตัดสินใจที่ไม่มีรูปแบบชัดเจน บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจลึกซึ้งว่า ติดดอยคืออะไร เกิดจากปัจจัยใด และที่สำคัญ วิธีการแก้ไขที่ได้ผลจริง เพื่อให้คุณสามารถเดินหน้าไปในเส้นทางการลงทุนอย่างมั่นใจ
ติดดอยคืออะไร: ความหมายพื้นฐาน
ติดดอย เป็นคำภาษาชาวบ้านที่ใช้เรียกสถานการณ์ที่นักลงทุนซื้อสินทรัพย์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น คริปโต กองทุน หรือสินทรัพย์อื่นใดด้วยความคาดหวังว่าราคาจะเพิ่มขึ้น แต่แทนที่ราคาจะเดินตามที่คาดการณ์ กลับปรากฏว่ามีการลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ปัญหาคือ เมื่อเผชิญกับการสูญเสีย นักลงทุนจำนวนมากไม่ยอมใช้กลยุทธ์ “ตัดขาดทุน” (Cut Loss) โดยการขายออก แต่กลับเลือกที่จะเก็บไว้เพราะเชื่อว่าราคาจะฟื้นตัวกลับมา ผลลัพธ์คือต้นทุนค่าเฉลี่ยของการลงทุนสูงขึ้นเรื่อยๆ และการติดดอยยิ่งลึกลงไปอีก
เหตุใดการติดดอยถึงเกิดขึ้น: วิเคราะห์จากสามมุมมอง
สาเหตุแรก: การตัดสินใจภายใต้อิทธิพลของอารมณ์และกระแส
เมื่อตลาดหุ้นวุ่นวายและมีปริมาณการซื้อขายสูง นักลงทุนจำนวนมากมักตกเป็นเหยื่อของ “FOMO” (Fear of Missing Out) ตัวอย่างช่าตสำหรับสภาวการณ์นี้คือ หุ้นราคาต่ำ XYZ ซึ่งเคยมีปริมาณการซื้อขายเพียง 1,000 หน่วยต่อวัน จากราคา 5 บาท ในช่วงสั้นไม่กี่สัปดาห์ ราคาทำการกระโดดไปยัง 10 บาท
บรรยากาศดังกล่าวสร้างแรงกดดันทางจิตใจให้นักลงทุนรุ่นใหม่เข้าไปซื้อ โดยหวังว่าจะเก็บกำไรอย่างรวดเร็ว โปรดทราบว่า การตัดสินใจแบบนี้ขาดการศึกษาตลาดแบบลึกซึ้ง เมื่อราคาหุ้นกลับมาที่ 3 บาท นักลงทุนต้องรับความขาดทุนหนัก
สาเหตุที่สอง: ความเชื่อใจต่อข่าวสารที่ไม่ชัดเจน
การเข้าลงทุนโดยอาศัยข่าวลือ “ผู้ลงทุนรายใหญ่จะเข้ามาเกี่ยวข้อง” หรือ “บริษัทจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่” ถือเป็นวิธีคิดที่มีความเสี่ยงสูง ในหลายกรณี ข่าวสารเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยผู้ถือหุ้นจำนวนมากที่ต้องการขาย เมื่อข่าวแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในสังคมดิจิทัล ผู้คนจำนวนมากรีบเข้าซื้อและทำให้ราคาพุ่งสูง
เมื่อผู้ให้ข่าวเหล่านั้นขายสินทรัพย์หมดแล้ว ความสนใจก็หายไป ราคาลดลงเพราะปริมาณผู้ต้องการซื้อลดน้อยลง และนักลงทุนที่เข้ามาในช่วงสิ้นสุดก็ต้องติดดอย
สาเหตุที่สาม: การประเมินผลพื้นฐาน หรือ Timing ที่ผิด
นักลงทุนบางคนทำการศึกษาอย่างจริงจัง เลือกหุ้นที่มีอัตราการเติบโตดีและมูลค่า P/E Ratio ที่สมเหตุสมผล แต่ปัญหาคือ เข้าซื้อในช่วงที่ราคาสูงไปแล้ว เมื่อบริหารบริษัทประกาศว่าการขยายตัวชะลอตัว หรือผลประกอบการไม่ตรงกับคาดการณ์ หุ้นจึงปรับตัวลง
ความเชื่อที่ว่า “ไม่ขาย = ไม่ขาดทุน” ทำให้นักลงทุนไม่ยอมตัดขาดทุน และจะติดดอยจนกว่าราคาจะกลับมา ซึ่งอาจไม่เกิดขึ้นเลย
กลยุทธ์ป้องกันการติดดอย: วิธีการป้องกันแบบปฏิบัติได้
วิธีที่หนึ่ง: กำหนดจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss) ก่อนเข้าลงทุน
Stop Loss ไม่ใช่ความล้มเหลว แต่เป็นการปกป้องทุนของคุณ การคำนวณนั้นง่ายมาก:
จุด Stop Loss = ร้อยละที่ยอมขาดทุน × ราคาที่ซื้อ
ยกตัวอย่าง หากซื้อหุ้น BBB ที่ 20 บาท และกำหนดให้ยอมขาดทุนได้ 5% จะได้ Stop Loss = 5% × 20 = 1 บาท ดังนั้น หากราคาลงมา 19 บาท ต้องขายทันที
ร้อยละที่ยอมขาดทุนนั้นขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของแต่ละคน บางคนรับได้ 10% บางคนรับได้เพียง 2% สิ่งสำคัญคือความรับผิดชอบต่อตัวเองในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์
วิธีที่สอง: กำหนดเป้าหมายกำไรและขายโดยทันที
สำหรับนักลงทุนที่เล่น Day Trade หรือ Scalping ต้องมี Mindset ที่ “เข้าอย่างปลอดภัย ออกด้วยกำไร”
ตัวอย่าง: ซื้อหุ้น CCC ที่ 5 บาท 5,000 หน่วย เท่ากับ 25,000 บาท กำหนดไว้ว่าจะขายที่ 5.2 บาท ทันทีที่ราคาแตะ 5.2 บาท ให้ขาย จะได้กำไร = (5.2 × 5,000) - (5 × 5,000) = 1,000 บาท เทคนิคนี้เรียกว่า Scalping
ความผันผวนของตลาด (Market Volatility) สูง แต่ถ้ามีแผนชัดเจน การขายตามเป้าหมายจะช่วยให้คุณรักษากำไรได้
วิธีที่สาม: ศึกษาข้อมูลพื้นฐานก่อนการตัดสินใจ
วลีอมตฺริฐิตว่า “ลงทุนในสิ่งที่คุณเข้าใจ” ไม่ใช่คำแนะนำมากมายหากเพื่อนหรือคนรอบข้างแนะนำหุ้นตัวใหม่ ก่อนรีบเข้าซื้อให้ถามตัวเองว่า:
การทำวิจัยเสียเวลา แต่ป้องกันการติดดอยได้ดีกว่า
วิธีที่สี่: เทคนิค “ถัวเฉลี่ย” เพื่อลดต้นทุน
หากคุณเลือกหุ้นอย่างดี แต่จังหวะการเข้าซื้อไม่ดี อาจใช้กลยุทธ์นี้:
สมมติซื้อหุ้น DDD ที่ 1 บาท จำนวน 1,000 หน่วย (เงิน 1,000 บาท) เมื่อราคาลงมา 0.5 บาท เราเลือกซื้อเพิ่มอีก 2,000 หน่วย (เงิน 1,000 บาท) ตอนนี้มีหุ้นรวม 3,000 หน่วย ด้วยเงินลงทุน 2,000 บาท ต้นทุนเฉลี่ย = 2,000 ÷ 3,000 = 0.67 บาท/หน่วย
เมื่อราคาหุ้นฟื้นตัวกลับมาที่ 0.67 บาท คุณก็ทำกำไรได้ แต่ความเสี่ยงของวิธีนี้คือหากหุ้นโดยพื้นฐานแล่มไป การถัวเฉลี่ยจะทำให้การขาดทุนเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นใช้เฉพาะกับหุ้นที่คุณมั่นใจว่ามีพื้นฐานดี
เปลี่ยน Mindset: หลักสำคัญในการลงทุน
คุณไม่ต้องกลัวการติดดอย เพราะเป็นสภาวการณ์ที่สามารถหลีกเลี่ยงได้อย่างมีประสิทธิผล ความแตกต่างคือ:
ตราบใดที่คุณยึดมั่นในกลยุทธ์ป้องกันข้างต้น แม้ว่าจะเข้าซื้อและราคาลดลง คุณก็สามารถ “ลงไป” ได้อย่างหมดจด แทนที่จะ “ติดดอย” และรอฟื้นตัวที่อาจไม่มาวันไหน