11 типов инвестиций, которые должен знать новичок. Выберите подходящий для себя.

เมื่อพูดถึงการเพิ่มทุน หลายคนอาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยความเสี่ยง แต่จริงๆ แล้ว ประเภทการลงทุน นั้นมีหลายแบบที่ออกแบบมาเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการและระดับความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ไม่ว่าคุณต้องการป้องกันความเสี่ยง หรือเพิ่มมูลค่าทรัพย์สิน ก็มีตัวเลือกให้เลือกได้หลายทาง บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ ประเภทการลงทุน ต่างๆ ให้ละเอียด เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด

ประเภทการลงทุน 11 แบบ ที่นักลงทุนทั่วไปใช้

  1. หุ้น (Stocks) - สิทธิความเป็นเจ้าของในบริษัท
  2. พันธบัตร (Bonds) - ตราสารหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่
  3. กองทุนรวม (Mutual Funds) - การรวมเงินจำนวนมากเพื่อลงทุนร่วมกัน
  4. กองทุนแลกเปลี่ยนอัตราแลกเปลี่ยน (ETFs) - กองทุนรวมที่ซื้อขายเหมือนหุ้น
  5. บัตรเงินฝาก (CDs) - สินทรัพย์ออมทรัพย์ที่จ่ายดอกเบี้ยสูง
  6. แผนเกษียณอายุ (Retirement Plans) - การเตรียมเงินสำหรับวัยหลังเลิกงาน
  7. ออปชั่น (Options) - สิทธิในการซื้อหรือขายสินค้าในอนาคต
  8. ค่างวด (Annuities) - การจ่ายเงินสม่ำเสมอในช่วงเวลาที่กำหนด
  9. อนุพันธ์ (Derivatives) - สัญญาทางการเงินที่อ้างอิงสินค้าอื่น
  10. สินค้า (Commodities) - พลังงาน โลหะ และสินค้าเกษตร
  11. การลงทุนแบบผสมผสาน (Hybrid Investments) - การรวมการลงทุนหลายประเภท

ส่วนที่ 1: ประเภทการลงทุนแบบสร้างความมั่นคง

1. หุ้น - ทำเงินจากความเติบโตของบริษัท

การลงทุนในหุ้น คือการซื้อสิทธิความเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ประเภทการลงทุน แบบนี้มีความเสี่ยงพอสมควร แต่ก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูง

คุณหาเงินได้อย่างไรจากหุ้น?

มีสองแนวทางหลัก:

แนวทางวิเคราะห์กราฟ: ซื้อหุ้นตามรูปแบบราคาที่เกิดขึ้น แล้วจำหน่ายเมื่อราคาสูงขึ้นเพื่อทำกำไรจากส่วนต่างราคา ตัวอย่างเช่น ซื้อหุ้นที่ราคา 200 ดอลลาร์ แล้วขายที่ 270 ดอลลาร์ ก็ได้กำไร 70 ดอลลาร์ต่อหุ้น

แนวทางวิเคราะห์พื้นฐาน: ศึกษากำไรและการเติบโตของบริษัท จากนั้นรอให้ราคาหุ้นสูงขึ้นในระยะยาว นักลงทุนจะอ่านข่าวข้อมูลการณ์ของบริษัท ติดตามงบการเงิน และวิเคราะห์ตัวเลขอัตราส่วนทางการเงิน

วิธีเริ่มต้นสำหรับมือใหม่:

  • ศึกษาบทความ หนังสือ และแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับการวิเคราะห์หุ้น
  • สร้างแผนการลงทุนโดยเลือกบริษัทที่ต้องการลงทุนและกำหนดระยะเวลา
  • เลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมและมีค่าธรรมเนียมที่ยุติธรรม
  • เรียนรู้การวิเคราะห์เทคนิคและพื้นฐาน

2. พันธบัตร - ลงทุนแบบได้ดอกเบี้ยประจำ

พันธบัตรคือตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาล บริษัท หรือองค์กรเพื่อระดมเงินทุน ผู้ลงทุนจะได้รับดอกเบี้ยคงที่และเงินต้นคืนเมื่อหมดอายุ

คุณหาเงินได้อย่างไรจากพันธบัตร?

มีสองแหล่งรายได้:

  1. ดอกเบี้ยหน้าตั๋ว (Coupon): ได้รับทุกงวด ตัวอย่างเช่น ลงทุน 1,000 บาทในพันธบัตรอัตรา 5% เป็นเวลา 3 ปี จะได้ดอกเบี้ย 50 บาทต่อปี
  2. กำไรจากการซื้อขาย: หากขายพันธบัตรในราคาสูงกว่าราคาซื้อ

วิธีเริ่มต้นสำหรับมือใหม่:

  • เรียนรู้ประเภทพันธบัตรต่างๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรบริษัท พันธบัตรระยะสั้นและระยะยาว
  • ทำความเข้าใจโครงสร้างของพันธบัตร อัตราดอกเบี้ย และวิธีการชำระเงิน
  • เลือกพันธบัตรตามเป้าหมายของคุณ โดยมองว่าความเสี่ยงต่ำมักมีดอกเบี้ยต่ำ

ส่วนที่ 2: ประเภทการลงทุนแบบจัดการสำหรับคุณ

3. กองทุนรวม - ให้ผู้เชี่ยวชาญจัดการแทนคุณ

กองทุนรวมคือการรวมเงินจากนักลงทุนหลายคนเพื่อลงทุนร่วมกัน โดยบริษัทจัดการจะเป็นผู้ดูแลและตัดสินใจลงทุนแทนคุณ

จุดเด่นของกองทุนรวม:

  • ต้องเงินน้อยก็ลงทุนได้
  • ได้ผลตอบแทนสูงกว่าฝากธนาคาร
  • เลือกนโยบายการลงทุนหลากหลาย (หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ทองคำ อสังหาริมทรัพย์)
  • ให้เลือกตามระดับความเสี่ยงที่ต้องการ

คุณหาเงินได้อย่างไร?

  1. ใช้กองทุนแทนบัญชีออมทรัพย์ธรรมชาติ
  2. รับผลตอบแทนจากนโยบายการลงทุนที่หลากหลาย
  3. ลงทุนในกองทุนที่ให้รายได้สม่ำเสมอ (Passive Income)
  4. รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีผ่านกองทุน SSF หรือ RMF

วิธีเริ่มต้นสำหรับมือใหม่:

  • ทำความเข้าใจประเภทกองทุน (กองทุนหุ้น กองทุนพันธบัตร กองทุนรวมผสม)
  • เลือกกองทุนที่ตรงกับเป้าหมายการลงทุน
  • เปิดบัญชีที่ธนาคารหรือบริษัทจัดการกองทุน
  • ติดตามและปรับแก้พอร์ตโฟลิโอเป็นระยะ

4. กองทุนแลกเปลี่ยนอัตราแลกเปลี่ยน (ETFs) - หุ้นกองทุนที่ซื้อขายสดใจ

ETF คือกองทุนรวมดัชนีที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เหมือนหุ้นทั่วไป แต่สามารถติดตามตัวชี้วัดต่างๆ เช่น ตลาดหุ้น สินค้า หรือตราสารหนี้

ความพิเศษของ ETF:

  • ซื้อขายเสมือนหุ้นด้วยราคา Real-time
  • มีความหลากหลายสูง เพราะเก็บสินทรัพย์หลากหลายชนิด
  • ค่าบริหารต่ำกว่ากองทุนรวมทั่วไป

คุณหาเงินได้อย่างไร?

  1. กำไรจากส่วนต่างราคาซื้อขาย
  2. เงินปันผลจากบริษัทที่อยู่ในดัชนี

วิธีเริ่มต้นสำหรับมือใหม่:

  • เลือก ETF ตามเป้าหมายการลงทุน
  • เปิดบัญชีการลงทุนที่โบรกเกอร์
  • ซื้อ ETF แรกของคุณ และตรวจสอบผลการลงทุนอยู่เสมอ

ส่วนที่ 3: ประเภทการลงทุนสำหรับรายได้แน่นอน

5. บัตรเงินฝาก (CDs) - ความเรียบง่ายและความมั่นใจ

บัตรเงินฝากเป็นบัญชีออมทรัพย์แบบพิเศษที่จ่ายดอกเบี้ยสูง แต่ต้องล็อคเงินไว้ตามระยะเวลาที่ตกลงไว้

คุณลักษณะของ CD:

  • ระยะเวลาคงที่ (ตั้งแต่หลายเดือนถึงหลายปี)
  • ไม่สามารถถอนเงินก่อนครบกำหนด หรือจะเสียค่าปรับ
  • ดอกเบี้ยคงที่สูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป

คุณหาเงินได้อย่างไร?

เพียงแค่รอให้ถึงวันครบกำหนด คุณจะได้เงินต้นพร้อมดอกเบี้ยสะสม

วิธีเริ่มต้นสำหรับมือใหม่:

  • เข้าใจว่า CD ต้องล็อคเงินตามระยะเวลาที่ตกลง
  • เลือกระยะเวลาที่ตรงกับความต้องการ (ทั่วไปคือ 6 เดือน ถึง 5 ปี)
  • เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารต่างๆ

6. แผนเกษียณอายุ - เตรียมชีวิตหลังเลิกงาน

แผนเกษียณคือการระดมเงินสะสมเพื่อให้มีเงินพอใช้ในวัยเกษียณ

วิธีคำนวณเงินเกษียณ:

สูตร = ค่าใช้จ่ายหลังเกษียณต่อปี × จำนวนปีที่คาดว่าจะใช้ชีวิตหลังเกษียณ

ตัวอย่าง: คุณ A อายุ 35 ปี ต้องการเกษียณอายุ 60 ปี คาดว่าจะมีชีวิต 20 ปี และค่าใช้จ่ายปัจจุบัน 30,000 บาทต่อเดือน คุณควรเตรียมประมาณ 5,040,000 บาท

วิธีเริ่มต้นสำหรับมือใหม่:

  • กำหนดเป้าหมายเกษียณและประมาณการค่าใช้จ่าย
  • สร้างแผนการออมโดยตัดสินใจว่าจะออมเท่าไรต่อเดือน
  • เลือกสินทรัพย์ลงทุน (หุ้น พันธบัตร ETF กองทุนรวม)
  • พิจารณาความหลากหลายของการลงทุนตามอายุ

ส่วนที่ 4: ประเภทการลงทุนขั้นสูง

7. ออปชั่น - สิทธิในการซื้อขายในอนาคต

ออปชั่นคือสัญญาที่ให้สิทธิในการซื้อหรือขายสินทรัพย์ในอนาคตในราคาที่ตกลงไว้ล่วงหน้า

สองประเภทหลัก:

  • Call Option (สิทธิซื้อ): ซื้อเมื่อคาดว่าราคาจะขึ้น
  • Put Option (สิทธิขาย): ขายเมื่อคาดว่าราคาจะลง

ตัวอย่าง: ราคา SET50 Index อยู่ 930 จุด คุณเปิด Call Option ที่ 950 จุดในราคาพรีเมี่ยม 17.1 จุด (ต้องจ่าย 3,420 บาท) หากราคาขยับขึ้น คุณจะได้กำไร

วิธีเริ่มต้นสำหรับมือใหม่:

  • เข้าใจศัพท์เฉพาะ: Strike Price, Expiration Date, Market Price
  • ศึกษาวิธีการทำงาน อ่านหนังสือและบทความออนไลน์
  • เลือกโบรกเกอร์ที่ให้บริการออปชั่น และเปิดบัญชี

⚠️ หมายเหตุสำคัญ: ออปชั่นมีความเสี่ยงสูง อาจทำให้ขาดทุนทั้งหมด ควรศึกษาเอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงก่อนลงทุน


8. ค่างวด - การจ่ายเงินสม่ำเสมอ

ค่างวดหมายถึงการจ่ายเงินในจำนวนเท่ากันตามช่วงเวลาที่กำหนด เช่น ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หรือการออมเดือนละเท่าๆ กัน

ตัวอย่าง: คุณ A และ คุณ B ฝากเงิน 30,000 บาทต่อปีเพื่อเก็บเงินเรียนบุตร คาดว่าได้ผลตอบแทน 3% ต่อปี ในอีก 17 ปี จะมีเงินรวมเท่าไร?

การคำนวณมูลค่าเงินในอนาคต:

ใช้สูตรการคำนวณค่างวดเพื่อหามูลค่าเงินที่จะมีในอนาคต

วิธีเริ่มต้นสำหรับมือใหม่:

  • เข้าใจประเภทค่างวด (Fixed, Variable, Indexed)
  • ศึกษาวิธีการทำงาน
  • เลือกประเภทที่เหมาะกับเป้าหมายและความเสี่ยง

9. อนุพันธ์ - สัญญาลงทุนขั้นสูง

อนุพันธ์คือสัญญาทางการเงินที่อ้างอิงกับสินทรัพย์อื่น เช่น หุ้น สินค้า อัตราแลกเปลี่ยน ซื้อขายผ่านตลาดฟิวเจอร์ส (TFEX)

ประเภทของอนุพันธ์:

  • Options (สิทธิซื้อขาย)
  • Futures (สัญญาซื้อขายล่วงหน้า)
  • Swaps (การสลับ)

คุณหาเงินได้อย่างไร?

นักลงทุนสามารถทำกำไรได้ทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง ขึ้นอยู่กับการเลือกสถานะที่ถูกต้อง

วิธีเริ่มต้นสำหรับมือใหม่:

  • ศึกษาคำศัพท์และหลักการพื้นฐาน
  • เรียนรู้ประเภทของอนุพันธ์แต่ละแบบ
  • เข้าใจความเสี่ยงสูง

⚠️ ตราสารอนุพันธ์อาจทำให้คุณขาดทุนทั้งหมด โปรดศึกษาอย่างถี่ถ้วนก่อนลงทุน


ส่วนที่ 5: ประเภทการลงทุนในสินค้าและผสมผสาน

10. สินค้า (Commodities) - พลังงาน โลหะ และเกษตรกรรม

การลงทุนในสินค้าประกอบด้วย พลังงาน (น้ำมัน ก๊าซ) โลหะ (ทองคำ เงิน) และสินค้าเกษตร

ตัวอย่าง: กลุ่ม OPEC ประกาศลดการผลิตน้ำมัน จาก 22 ล้านบาร์เรล เหลือ 15 ล้านบาร์เรล เมื่อซัพพลายลด ราคา WTI ขยับขึ้นจาก 80 ดอลลาร์ เป็น 83 ดอลลาร์

ข้อดีของการลงทุนในสินค้า:

  • ความหลากหลาย สินค้ามีความสัมพันธ์ต่ำหรือติดลบกับหุ้นและพันธบัตร
  • ป้องกันภาวะเงินเฟ้อ เพราะราคาสินค้ามักสูงขึ้นเมื่อเฟ้อ

ข้อเสียของการลงทุนในสินค้า:

  • ความผันผวนสูง ถือว่าสูงสุดในการซื้อขาย
  • ความไม่แน่นอนจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์

วิธีเริ่มต้นสำหรับมือใหม่:

  • ศึกษาประเภทสินค้าต่างๆ
  • เข้าใจปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา
  • เลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสม

11. การลงทุนแบบผสมผสาน - สร้างพอร์ตโฟลิโอที่สมดุล

การลงทุนแบบผสมผสานคือการรวมการลงทุนหลายประเภทเข้าด้วยกัน เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการผลิตรายได้

ตัวอย่างพอร์ตโฟลิโอผสมผสาน:

  • 40% หุ้น (การเติบโต)
  • 30% พันธบัตร (รายได้แน่นอน)
  • 20% อสังหาริมทรัพย์ (ปกป้องความเสี่ยง)
  • 10% สินค้า (ป้องกันเงินเฟ้อ)

คุณหาเงินได้อย่างไร?

ผลตอบแทนรวม = (อัตราผลตอบแทนหุ้น × 40%) + (อัตราผลตอบแทนพันธบัตร × 30%) + … และต่อไป

วิธีเริ่มต้นสำหรับมือใหม่:

  • กำหนดเป้าหมายการลงทุนให้ชัดเจน (ระยะยาว ระยะสั้น)
  • ประเมินระดับความเสี่ยงที่สามารถรับได้
  • เลือกสินทรัพย์ที่มีความสัมพันธ์ต่ำ
  • ติดตามและปรับแก้พอร์ตโฟลิโอเป็นระยะ

ทุกสิ่งที่ต้องรู้ก่อนการลงทุน

🔸 ขั้นตอนเตรียมการ

1. กำหนดวัตถุประสงค์

  • ลงทุนเพื่อทำกำไรรายวันหรือรายเดือนหรือไม่?
  • ลงทุนเพื่อเก็บเงินเกษียณหรือไม่?
  • ลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยงหรือไม่?

2. ประเมินความเสี่ยง

  • คุณสามารถรับผิดชอบความเสี่ยงได้ระดับไหน?
  • คุณมีความเข้าใจเพียงพอเกี่ยวกับการลงทุนชนิดไหน?

3. ทำความเข้าใจรายได้และค่าใช้จ่าย

  • ศึกษาค่าธรรมเนียมการซื้อขาย
  • ทำความเข้าใจผลตอบแทนที่คาดหวัง

4. เรียนรู้เกี่ยวกับประเภทการลงทุน

  • อ่านบทความ หนังสือ และรายงานการวิจัย
  • เรียนรู้จากนักลงทุนที่มีประสบการณ์
  • ติดตามข่าวสารทางการเงิน

5. สร้างแผนการเงิน

  • งบประมาณและการออม
  • ระยะเวลาของการลงทุน
  • เป้าหมายการเติบโตของทุน

🔸 การบริหารความเสี่ยง

  • เข้าใจความเสี่ยงของแต่ละ ประเภทการลงทุน
  • กระจายความเสี่ยง (Diversification) ไปยังสินทรัพย์ต่างชนิด
  • ตั้งเป้าหมายการขาดทุน (Stop Loss)
  • ไม่ลงทุนจำนวนที่เกินกว่าที่สามารถสูญเสียได้

🔸 การติดตามและปรับแก้

  • ตรวจสอบผลการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
  • ปรับแก้พอร์ตโฟลิโอตามสถานการณ์ตลาด
  • ไม่ตัดสินใจอย่างรีบร้อน

🔸 ขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ

หากคุณรู้สึกไม่มั่นใจ ควรปรึกษาที่ปรึกษาการเงินหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนก่อนตัดสินใจ


สรุป

ประเภทการลงทุน นั้นหลากหลายและออกแบบมาเพื่อสนองความต้องการที่แตกต่างกัน ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนแบบรักษาเสถียรภาพ ผู้ติดตามอัตราเงินเฟ้อ หรือผู้ค้นหาการเติบโต มีตัวเลือกให้เลือกได้

ยิ่งคุณศึกษาและมีประสบการณ์มากเท่าไร และยิ่งคุณวางแผนการลงทุนให้ชัดเจนมากเท่าไร ก็ยิ่งสามารถจัดการความเสี่ยงได้ดีและกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์อื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่าลืมว่าการลงทุนเป็นการเดินทางในระยะยาว ต้องมีความอดทน ความรู้ และแผนที่ชัดเจน คุณจึงจะสามารถเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินของคุณได้อย่างเสถียรและยั่งยืน

Посмотреть Оригинал
На этой странице может содержаться сторонний контент, который предоставляется исключительно в информационных целях (не в качестве заявлений/гарантий) и не должен рассматриваться как поддержка взглядов компании Gate или как финансовый или профессиональный совет. Подробности смотрите в разделе «Отказ от ответственности» .
  • Награда
  • комментарий
  • Репост
  • Поделиться
комментарий
0/400
Нет комментариев
  • Закрепить