Tiền và vàng: Đầu tư vào thanh bạc có thể tạo ra lợi nhuận nổi bật không?

ทำไมแท่งเงินจึงกำลังดึงดูดความสนใจของนักลงทุนโลก

ในช่วงปีที่ผ่านมา แร่เงิน (Silver) ได้บันทึกสถิติราคาใหม่เป็นประวัติการณ์ แนวโน้มนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่เกิดขึ้นในตลาดโลก โดยนักวิเคราะห์ระดับสากลมองว่าโอกาสนี้อาจให้ผลตอบแทนที่เหนือกว่าทองคำได้ในอนาคตอันใกล้

ประวัติศาสตร์ยาวนานของแท่งเงินในการเป็นเงินตรา

ความสำคัญของ Silver ไม่ใช่เรื่องใหม่ก่อนที่เทคโนโลยีดิจิทัลและเศรษฐกิจสมัยใหม่จะเกิดขึ้น มนุษย์ได้พึ่งพา Silver เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนและสำหรับการจัดเก็บมูลค่ามานานกว่า 4,000 ปี

หลักฐานทางประวัติศาสตร์บ่งชี้ว่า:

  • ตั้งแต่ 3000 ปีก่อนคริสตกาล Silver ได้ถูกนำมาใช้เป็นสื่อกลางในการค้นขายในรูปแบบของแหวน แท่ง และจิ้มโลหะที่มีน้ำหนักมาตรฐาน
  • ในศตวรรษที่ 16 สเปนได้นำ Silver มาผลิตเป็นเหรียญ ซึ่งกลายเป็น สกุลเงินแรกที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก และสามารถหมุนเวียนได้ในทุกทวีป
  • Silver ยังคงถูกใช้เป็นเงินอย่างถูกกฎหมายในสหรัฐอเมริกาจนถึงปี 1857
  • แม้ว่าบทบาทอย่างเป็นทางการของแท่งเงินจะสิ้นสุดหลังจากการยกเลิกระบบมาตรฐาน Silver Standard ในปี 1935 การผลิต Silver ในรูปแบบแท่งและเหรียญเพื่อการลงทุนได้ดำเนินต่อมาจนถึงปัจจุบัน

ทำไม Silver ถึงมีความจำเป็นต่อการพัฒนาเทคโนโลยีในปัจจุบัน

คุณสมบัติทางกายภาพของ Silver นั้นไม่สามารถหาโลหะอื่นมาทดแทนได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งทำให้มันกลายเป็นส่วนประกอบที่ขาดไม่ได้ในการพัฒนาเทคโนโลยีที่จะกำหนดอนาคตของโลก - คุณสมบัติเหล่านี้รวมถึง:

  • ความเป็นตัวนำไฟฟ้าและความร้อนที่เหนือกว่า: ทำให้ Silver เป็นองค์ประกอบที่จำเป็นในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด
  • ความสามารถในการสะท้อนแสงสูงสุด: เป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการแปลงพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นไฟฟ้าในแผงโซลาร์เซลล์
  • คุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย: ทำให้ถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมการแพทย์ตั้งแต่ผ้าพันแผลไปจนถึงเครื่องมือผ่าตัดและระบบกรองน้ำ
  • ความยืดหยุ่นและความง่ายในการแปรรูป: คุณลักษณะที่สำคัญสำหรับไมโครอิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องการชิ้นส่วนขนาดเล็กและซับซ้อน

ปัจจัยเหล่านี้ได้กลายมาเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของอุปสงค์ Silver ในสมัยนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด การพัฒนารถไฟฟ้า โครงข่าย 5G หรือโครงสร้างพื้นฐาน AI ล้วนพึ่งพา Silver อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของราคา Silver

ราคา Silver ไม่ได้เคลื่อนไหวแบบสุ่ม แต่ถูกควบคุมโดยปัจจัยเชิงโครงสร้างและปัจจัยเศรษฐกิจที่ซับซ้อน

ปัจจัยระดับมหภาค

ภาพรวมของตลาดโลกมีอิทธิพลอย่างมากต่อราคา Silver:

  • นโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ย: การลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางมีผลโดยตรงต่อราคาสินทรัพย์มีค่า การลดลงของอัตราดอกเบี้ยในช่วงปี 2025 ถือเป็นตัวเร่งที่สำคัญในการยกระดับราคา Silver
  • การเปลี่ยนแปลงของค่าสกุลเงินดอลลาร์: โดยทั่วไป Silver มีความสัมพันธ์ผกผันกับความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์ เมื่อเงินดอลลาร์อ่อนลง นักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นจะสามารถซื้อ Silver ได้ในราคาที่ต่ำลง ซึ่งจะเพิ่มความต้องการและผลักดันราคาขึ้น
  • เงินเฟ้อและความไม่แน่นอนทางภูมิศาสตร์: Silver ถูกมองว่าเป็นเครื่องป้องกันเงินเฟ้อและที่หลบภัยในยามที่เศรษฐกิจเผชิญความไม่แน่นอน

ปัจจัยพื้นฐาน: ความไม่สมดุลระหว่างอุปทานและอุปสงค์

จุดเปลี่ยนสำคัญมาจากรายงาน World Silver Survey 2025 ซึ่งเปิดเผยว่า ตลาด Silver กำลังเผชิญกับ “ภาวะขาดดุลเชิงโครงสร้าง” ที่รุนแรง นั่นคือ โลกต้องการใช้ Silver มากกว่าปริมาณที่สามารถผลิตและนำกลับมาใช้ใหม่ได้รวมกัน สถานการณ์นี้ได้เกิดขึ้นต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 4 แล้ว

อุปสงค์ที่ไม่เคยสูงขนาดนี้มาก่อน:

  • ความต้องการจากภาคอุตสาหกรรมบันทึกสถิติสูงสุดที่ 680.5 ล้านออนซ์ในปี 2024 คิดเป็นประมาณ 59% ของอุปสงค์ทั้งหมด
  • การเติบโตมาจากภาคเทคโนโลยีของอนาคต โดยเฉพาะพลังงานสะอาด รถไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ 5G และ AI

อุปทานที่ขยายได้ไม่เพียงพอ:

  • การผลิตหยุดชะงัก
  • ปริมาณที่ได้จากการเหมืองแร่อื่น (เงินเป็นผลพลอยได้จากการเหมืองแร่ตะกั่ว สังกะสี และทองแดง) มีขีดจำกัด
  • คลังสินค้า Silver ลดลง

ภาพนี้บ่งบอกว่า Perfect Storm กำลังเกิดขึ้นในตลาด: ความต้องการที่ทั้งเติบโตและไม่ยืดหยุ่นตัวกำลังชนกับอุปทานที่ทั้งหดตัวและไม่ยืดหยุ่นตัว ส่งผลให้นักวิเคราะห์หลายคนคาดการณ์ว่าราคา Silver อาจต้องปรับตัวสูงขึ้นอย่างสำคัญในอนาคต ภาวะขาดดุลนี้ไม่ใช่ปรากฏการณ์ชั่วคราว แต่กำลังกลายเป็นเสถียรภาพใหม่ของตลาด

เทียบเคียง: ทองคำกับแท่งเงิน - สินทรัพย์ใดที่สมควรสำหรับคุณ

ในโลกของโลหะมีค่า ทองคำได้รับการยอมรับว่าเป็นตัวเลือกมาตรฐาน แต่การวิเคราะห์เชิงลึก Silver เผยให้เห็นความแตกต่างที่ควรจ่ายใจเป็นอย่างดี

ตัวชี้วัด Gold/Silver Ratio

“อัตราส่วนทองคำต่อเงิน” หรือ Gold/Silver Ratio (GSR) เป็นเครื่องมือที่ช่วยประเมินว่าเงินมีราคาถูกหรือแพงเมื่อเทียบกับทองคำ โดยแสดงว่าต้องใช้ Silver กี่ออนซ์จึงจะซื้อทองคำได้ 1 ออนซ์

ความสำคัญของตัวชี้วัดนี้:

  • สภาวะหวาดเสียวของตลาด (เช่น มีนาคม 2020 ช่วง COVID-19) ทำให้นักลงทุนแห่ขอเสบียงกำลัง: ทองคำ ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยที่สุด GSR พุ่งสูงถึง 124:1 เป็นสถิติสูงสุดตามประวัติ
  • เมื่อความเชื่อมั่นกลับมา นักลงทุนเต็มใจรับความเสี่ยงเพื่อผลตอบแทนที่ดียิ่งขึ้น GSR จึงหดตัว ในปี 2011 ลดลงเหลือ 31:1
  • ปัจจุบัน GSR ยังอยู่ในระดับสูง (ประมาณ 84:1) สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าตลาดยังไม่ได้ให้คุณค่าเต็มที่กับปัจจัยพื้นฐานด้านอุตสาหกรรมของ Silver ซึ่งสร้างช่องว่างให้นักลงทุนใช้ประโยชน์

ความแตกต่างในลักษณะของตลาด

ขนาดของตลาด:

  • ตลาดทองคำ: ประมาณ 30 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • ตลาด Silver: ประมาณ 2.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

ขนาดที่ต่างกันอย่างมากนี้มีนัยสำคัญ: เงินทุนในจำนวนเดียวกันที่ไหลเข้าสู่ Silver จะสร้างผลกระทบต่อราคามากกว่า

ความผันผวน:

  • ราคา Silver มีความผันผวน 2-3 เท่า มากกว่าทองคำ
  • สิ่งนี้หมายถึง: ในตลาดขาลง Silver อาจปรับตัวลงแรงกว่า แต่ในตลาดกระทิง (Bull Market) มันมีแนวโน้มที่จะพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วและสูงกว่า

บทบาทและการถือครอง:

  • ทองคำ: ธนาคารกลางทั่วโลกถือครองเป็นทุนสำรอง บทบาทหลักคือ “สินทรัพย์ปลอดภัย” (Safe Haven Asset)
  • Silver: ไม่ถูกธนาคารกลางถือครองเป็นทุนสำรอง แต่เป็น “สินทรัพย์ลูกผสม” ระหว่างโลหะมีค่าและสินค้าโภคภัณฑ์อุตสาหกรรม ทำให้ราคามีความเชื่อมโยงกับวัฏจักรเศรษฐกิจมากกว่า แต่ก็มีตัวขับเคลื่อนการเติบโตจากความต้องการภาคอุตสาหกรรมที่ทองคำไม่มี

ข้อสรุป: เลือก Silver หรือทองคำ

  • สำหรับนักลงทุนที่มุ่งเสถียรภาพ: ทองคำยังคงเป็นตัวเลือกที่มั่นคง
  • สำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงสูงขึ้น: ปัจจัยพื้นฐานของ Silver ในปัจจุบัน - ราคาที่ต่ำเมื่อเทียบกับทองคำ ภาวะอุปทานที่ไม่ยืดหยุ่น และอุปสงค์ภาคอุตสาหกรรมที่พุ่งทะยาน - ทำให้ Silver เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนเพื่อการเติบโต

ช่องทางการลงทุน 4 วิธีสำหรับนักลงทุนไทย

1. การถือครองแท่งเงินกายภาพ

วิธีการลงทุนแบบดั้งเดิม: การซื้อแท่งเงิน (Silver Bars) หรือเหรียญเงิน (Silver Coins) มาเก็บไว้เป็นของตัวเอง

จุดเด่น:

  • เป็นเจ้าของสินทรัพย์จริงๆ ที่สามารถจับต้องได้
  • ไม่มีความเสี่ยงจากคู่สัญญา
  • มีความเป็นส่วนตัวสูง

จุดอ่อน:

  • ต้องใช้เงินลงทุนเริ่มต้นจำนวนมาก
  • ต้องเสียค่าคอมมิชชั่นและส่วนต่าง (Premium) ที่มักสูงกว่าราคาตลาดโลก
  • มีต้นทุนแฝงในการจัดเก็บที่ปลอดภัย (ตู้เซฟ) และการประกันภัย
  • สภาพคล่องต่ำกว่าช่องทางอื่น
  • ความเสี่ยงในการตรวจสอบความบริสุทธิ์

ที่จำหน่ายในไทย: ผู้ค้าทองเงินชั้นนำหลายแห่งในย่านการค้า

2. การลงทุนผ่านกองทุนรวมและหุ้นเหมืองแร่

วิธีการลงทุนทางอ้อม โดยผ่านตัวกลางทางการเงิน

กองทุนรวม:

  • สามารถลงทุนในกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนต่อในต่างประเทศในหุ้นบริษัทเหมืองแร่เงิน
  • ตัวอย่าง: กองทุนที่ลงทุนใน ETF เกี่ยวกับเหมืองแร่เงินโลก หรือกองทุนที่ครอบคลุมทั้งเหมืองแร่ทองคำและเงิน

หุ้นเหมืองแร่:

  • สำหรับนักลงทุนที่สามารถเข้าใจตลาดหุ้นต่างประเทศได้ สามารถเลือกซื้อหุ้นโดยตรงของบริษัท ผู้ผลิต Silver รายใหญ่เช่น Pan American Silver, Wheaton Precious Metals, Fresnillo, หรือ Hecla Mining

จุดเด่น:

  • สภาพคล่องสูง ซื้อขายง่ายผ่านตลาดหลักทรัพย์
  • ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับปัญหาการจัดเก็บ

จุดอ่อน:

  • มีความเสี่ยงเฉพาะตัวของแต่ละบริษัท (การบริหารงาน ต้นทุนการผลิต ความเสี่ยงทางการเมืองของพื้นที่เหมือง)
  • ราคาหุ้นอาจไม่เคลื่อนไหวสอดคล้องกับราคา Silver ในตลาดโลกทุกครั้ง

3. การเทรดผ่านสัญญาฟิวเจอร์ส

เป็นเครื่องมือสำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์และความเข้าใจลึกต่อตลาดอนุพันธ์

TFEX Silver Online Futures:

  • สัญญาที่อ้างอิงกับราคา Silver ที่มีความบริสุทธิ์ 99.9% ในตลาดโลก
  • ตัวคูณสัญญา: 3,000 เท่าของราคาอ้างอิง
  • ชำระราคาเป็นเงินสด

จุดเด่น:

  • ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นน้อย (Leverage สูง)
  • สามารถทำกำไรได้ในทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง

จุดอ่อน:

  • ความเสี่ยงสูงมากและความเข้าใจที่ลึกเป็นสิ่งจำเป็น
  • สัญญามีวันหมดอายุ
  • เหมาะเฉพาะนักลงทุนมืออาชีพ

4. การเทรดผ่าน CFD (Contract for Difference)

วิธีที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่นักลงทุนรายย่อยโดยเฉพาะในประเทศไทย

CFD คืออะไร:

  • สัญญาระหว่างนักลงทุนและโบรกเกอร์ที่เก็งกำไรจากส่วนต่างของราคา Silver (มักใช้สัญลักษณ์ XAGUSD) ระหว่างเวลาเปิดและปิดสัญญา
  • ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์จริง

จุดเด่น:

  • ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นน้อย (Leverage ช่วยเพิ่มกำลังซื้อ)
  • สามารถทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้น (สถานะ Long) และขาลง (สถานะ Short)
  • ไม่มีต้นทุนแฝงจากการจัดเก็บ ประกันภัย หรือตรวจสอบความบริสุทธิ์
  • สภาพคล่องสูง สามารถเปิด-ปิดสถานะได้รวดเร็ว
  • ซื้อขายได้ 24 ชั่วโมงต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ตามราคาตลาดโลก

จุดอ่อน:

  • ความเสี่ยงจาก Leverage: อาจทำให้ขาดทุนเร็ว
  • มีความเสี่ยงจากคู่สัญญา ดังนั้นจึงสำคัญต้องเลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ

เปรียบเทียบวิธีการลงทุน 4 แบบ

วิธีการ เหมาะกับ ข้อดี ข้อเสีย
ถือครองกายภาพ นักลงทุนระยะยาว ผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของจริง เป็นสินทรัพย์จริง ไม่มีความเสี่ยงคู่สัญญา ใช้เงินทุนสูง สภาพคล่องต่ำ มีต้นทุนแฝง
กองทุน/หุ้น นักลงทุนที่ต้องการสภาพคล่องและการกระจายความเสี่ยง ซื้อขายง่าย ไม่ต้องจัดเก็บเอง ความเสี่ยงเฉพาะตัวของบริษัท อาจไม่สอดคล้องกับราคา 100%
ฟิวเจอร์ส นักลงทุนมืออาชีพ ผู้รับความเสี่ยงสูง Leverage สูง ทำกำไรทั้งสองทิศทาง ความเสี่ยงสูงมาก ซับซ้อน มีวันหมดอายุ
CFD นักเก็งกำไรระยะสั้น-กลาง ผู้ต้องการความยืดหยุ่น Leverage และความยืดหยุ่นสูง สภาพคล่องสูง ความเสี่ยงจาก Leverage และคู่สัญญา

ข้อดีและข้อไม่ประสงค์ของการลงทุน Silver

โอกาสและข้อได้เปรียบ

1. ศักยภาพผลตอบแทนที่สูง: เนื่องจากความผันผวนที่มากกว่าและมูลค่าตามประวัติศาสตร์ที่ยังต่ำกว่าทองคำ (สะท้อนโดย Gold/Silver Ratio) Silver มีแนวโน้มที่จะสร้างผลตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงกว่าทองคำในตลาดกระทิง

2. อุปสงค์ภาคอุตสาหกรรมที่จะเติบโตต่อเนื่อง: แนวโน้มการเปลี่ยนผ่านไปหาพลังงานสะอาด และโลกดิจิทัลเป็นเมกะเทรนด์ที่ไม่อาจย้อนกลับ ซึ่งจะขับเคลื่อนอุปสงค์ Silver ไปอีกหลายปีข้างหน้า

3. การเข้าถึงที่ง่ายขึ้น: ราคาต่อออนซ์ของ Silver ต่ำกว่าทองคำนับสิบเท่า ทำให้นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่า และสามารถสร้างสถานะด้วยเงินทุนที่ไม่มากนัก

4. คุณสมบัติป้องกันเงินเฟ้อ: Silver มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน (กว่า 4,000 ปี) ในการเป็นสินทรัพย์เก็บมูลค่า ช่วยปกป้องความมั่งคั่งจากการเสื่อมค่าของสกุลเงิน

ความเสี่ยงและข้อเสีย

1. ความผันผวนของราคาสูง: ความผันผวนที่มากขึ้น ซึ่งสามารถสร้างกำไรมหาศาล ก็สามารถทำให้เกิดการขาดทุนอย่างมากได้เช่นกัน นักลงทุน Silver ต้องยอมรับความเสี่ยงที่สูงกว่าทองคำ

2. ความสัมพันธ์กับวัฏจักรเศรษฐกิจ: เนื่องจาก 55-60% ของอุปสงค์มาจากภาคอุตสาหกรรม Silver มีความอ่อนไหวต่อความชะลอตัวของเศรษฐกิจเสียมากกว่าทองคำ ความต้องการภาคการผลิตอาจหดตัวได้ระหว่างภาวะเศรษฐกิจถดถอย

3. ต้นทุนสำหรับการถือครองกายภาพ: ผู้ที่ถือ Silver ในรูปแบบจริงต้องรับภาระค่าจัดเก็บ ประกันภัย และความเสี่ยงจากการขโมย

4. ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ: Silver ไม่จ่ายเงินปันผลหรือดอกเบี้ย ผลตอบแทนมาจากส่วนต่างของราคา (Capital Gain) เพียงอย่างเดียว

สรุปการพิจารณาลงทุน Silver

แท่งเงิน (Silver) ได้เปลี่ยนจากการถูกมองว่าเป็นเพียงโลหะของคนจน มาเป็นสินทรัพย์ที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก

การที่ Silver เหมาะสำหรับคุณนั้นขึ้นอยู่กับเป้าหมายการลงทุนและกำลังรับความเสี่ยงของคุณ อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนยุคใหม่ที่มองหาโอกาสนี้ การเลือกเครื่องมือลงทุนที่เหมาะสมนั้นมีความสำคัญ

ไม่ว่าวิธีใดจะสำหรับคุณ สิ่งสำคัญคือการศึกษาให้เข้าใจเพื่อให้สามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด โดยพิจารณาจากสภาวะตลาด เป้าหมายส่วนตัว และความสามารถในการรับความเสี่ยง

Xem bản gốc
Trang này có thể chứa nội dung của bên thứ ba, được cung cấp chỉ nhằm mục đích thông tin (không phải là tuyên bố/bảo đảm) và không được coi là sự chứng thực cho quan điểm của Gate hoặc là lời khuyên về tài chính hoặc chuyên môn. Xem Tuyên bố từ chối trách nhiệm để biết chi tiết.
  • Phần thưởng
  • Bình luận
  • Đăng lại
  • Retweed
Bình luận
0/400
Không có bình luận
  • Ghim