Trang này có thể chứa nội dung của bên thứ ba, được cung cấp chỉ nhằm mục đích thông tin (không phải là tuyên bố/bảo đảm) và không được coi là sự chứng thực cho quan điểm của Gate hoặc là lời khuyên về tài chính hoặc chuyên môn. Xem Tuyên bố từ chối trách nhiệm để biết chi tiết.
##สินทรัพย์ไหนจึงไม่สามารถคิดค่าเสื่อมราคาได้
ก่อนเข้าใจว่า **ค่าเสื่อมราคา อยู่หมวดไหน** ลองมาดูตรงกันข้ามก่อน สินทรัพย์บางประเภทไม่อาจนำมาคิดค่าเสื่อมราคาได้เลย เช่น ที่ดิน ของสะสม การลงทุนในหุ้นและพันธบัตร ทรัพย์สินส่วนบุคคล หรือสินทรัพย์ใดๆ ที่ใช้ไม่ถึงหนึ่งปี เหตุผลคือสินทรัพย์เหล่านี้ไม่สูญเสียมูลค่าตามเวลา บางส่วนยังอาจเพิ่มมูลค่าขึ้น
## ค่าเสื่อมราคา (Depreciation) คืออะไร และอยู่ในหมวดใด
ในทางบัญชี **ค่าเสื่อมราคา** คือการลดมูลค่าของสินทรัพย์ถาวรที่เป็นรูปธรรมตามช่วงเวลาที่กำหนด เป็นเครื่องมือทางบัญชีที่สำคัญเพราะช่วยให้บริษัทสามารถปันส่วนต้นทุนของสินทรัพย์ราคาแพงออกไปในหลายปี แทนที่จะบันทึกราคาทั้งหมดในปีที่ซื้อ
กล่าวได้ว่า **ค่าเสื่อมราคา อยู่หมวด** ต้นทุนประมาณการและค่าใช้จ่ายด้านการบัญชี ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการคำนวณ EBIT (กำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษี)
## สินทรัพย์ใดบ้างอาจคิดค่าเสื่อมราคาได้
ตามหลักการบัญชี สินทรัพย์จะต้องมีลักษณะดังนี้:
- เป็นของบริษัท
- ใช้ได้ในการสร้างรายได้ของธุรกิจ
- มีอายุการใช้งานที่คาดเดาได้
- ใช้งานได้นานกว่าหนึ่งปี
สินทรัพย์ทั่วไปที่สามารถคิดได้ ได้แก่ ยานพาหนะ อาคาร อุปกรณ์สำนักงาน คอมพิวเตอร์ เครื่องจักร หรือแม้แต่สิ่งไม่จับต้องได้เช่น สิทธิบัตรและซอฟต์แวร์
## มูลค่าและการคำนวณค่าเสื่อมราคา
ค่าเสื่อมราคาเกี่ยวข้องกับสองแนวคิดหลัก คือ มูลค่าสินทรัพย์ลดลงตามเวลา และการกระจายต้นทุนเริ่มแรมของสินทรัพย์ออกไปในระยะเวลาการใช้งาน
ยกตัวอย่าง บริษัทซื้อรถยนต์ราคา 100,000 บาท มีอายุการใช้งานที่คาดหวังห้าปี ค่าเสื่อมราคาจะคิดที่ 20,000 บาทต่อปี ทำให้ในแต่ละช่วงบัญชี บริษัทจะบันทึกจำนวนเท่ากันอย่างต่อเนื่อง
## วิธีการคิดค่าเสื่อมราคา
### 1. วิธีเส้นตรง (Straight-line method)
เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ผู้ประกอบการหารมูลค่าสินทรัพย์ด้วยอายุการใช้งาน จ่ายเท่ากันทุกปี ข้อดีคือใช้งานง่าย ข้อเสียคือไม่ได้พิจารณาว่าค่าบำรุงรักษาจะเพิ่มขึ้นตามอายุสินทรัพย์
### 2. วิธีลดลงสองเท่า (Double-declining balance)
บริษัทสามารถตัดมูลค่าได้มากขึ้นในช่วงแรก และน้อยลงเมื่อเวลาผ่านไป วิธีนี้เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการกู้คืนต้นทุนอย่างเร็ว และช่วยให้ได้ประโยชน์จากการหักภาษีสูงสุดในปีแรก
### 3. วิธีลดลงถัวเฉลี่ย (Declining balance)
ค่าเสื่อมราคาคิดเป็นสองเท่าของอัตราวิธีเส้นตรง บริษัทจ่ายขจัดการจ่ายสูงกว่าในปีแรกแต่ลดลงในปีต่อๆ ไป
### 4. วิธีหน่วยการผลิต (Units of production)
คิดค่าเสื่อมราคาตามการใช้งานจริง เช่น จำนวนชั่วโมงทำงาน วิธีนี้แม่นยำเพราะสะท้อนการใช้งานจริง แต่ยากต่อการติดตาม
## ค่าตัดจำหน่าย (Amortization) คืออะไร
**ค่าตัดจำหน่าย** มีความหมายคล้ายกับค่าเสื่อมราคา แต่ใช้กับสินทรัพย์ไม่มีตัวตน เช่น ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร ยี่ห้อสินค้า นอกจากนี้ยังหมายถึงการชำระหนี้เป็นงวดปกติที่ประกอบด้วยดอกเบี้ยและเงินต้น
กรณีตัวอย่างคือ บริษัทซื้อสิทธิบัตรเครื่องจักรมูลค่า 10,000 บาท อายุการใช้ 10 ปี ค่าตัดจำหน่ายจึงควรเป็น 1,000 บาทต่อปี
## EBIT และ EBITDA: ความสำคัญของค่าเสื่อมราคา
เมื่อคิด **ค่าเสื่อมราคา อยู่หมวด** ใดของการคำนวณกำไร จะเห็นว่าอยู่ในการหาค่า EBIT (กำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษี)
EBIT คำนวณโดยเริ่มที่กำไรก่อนหักภาษี บวกกลับเข้าดอกเบี้ยจ่าย ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายถูกหักออกจากรายได้ใน EBIT
EBITDA ต่างออกไป เพราะค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะถูกบวกกลับเข้าไป ทำให้ EBITDA สะท้อนกำไรก่อนการหักค่าใช้จ่ายเหล่านี้
ความแตกต่างนี้สำคัญเมื่อเปรียบเทียบบริษัทในอุตสาหกรรมต่างๆ เพราะบริษัทที่มีสินทรัพย์ถาวรจำนวนมากจะมีค่าเสื่อมราคาสูงกว่า ซึ่งอาจเบี่ยงเบนการเปรียบเทียบกำไรที่แท้จริง
## ความแตกต่างระหว่างค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย
**ค่าเสื่อมราคา** กับ **ค่าตัดจำหน่าย** ต่างกันในด้านหลายประการ:
**ด้านสินทรัพย์:** ค่าเสื่อมราคาใช้กับสินทรัพย์ที่มีตัวตน เช่น อาคารและเครื่องจักร ค่าตัดจำหน่ายใช้กับสินทรัพย์ไม่มีตัวตน เช่น ลิขสิทธิ์และสิทธิบัตร
**ด้านวิธีการ:** ค่าเสื่อมราคาสามารถใช้วิธีเส้นตรง วิธีเร่ง หรือวิธีตามการใช้งาน ค่าตัดจำหน่ายส่วนใหญ่ใช้วิธีเส้นตรงเท่านั้น
**ด้านมูลค่า:** ค่าเสื่อมราคาพิจารณามูลค่าซาก (salvage value) ค่าตัดจำหน่ายไม่พิจารณา
## การประยุกต์ใช้ในการลงทุนและวิเคราะห์
การเข้าใจ **ค่าเสื่อมราคา อยู่หมวด** ใดของงบการเงินช่วยให้นักลงทุนสามารถวิเคราะห์ประสิทธิภาพของบริษัทได้ถูกต้องมากขึ้น ค่าเสื่อมราคาเป็นค่าใช้จ่ายไม่เกี่ยวเงินสด ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบกำไรสุทธิที่ลดลงเนื่องจากค่าเสื่อมราคา ควรเพิ่มค่านี้กลับเข้ามาเพื่อดูกระแสเงินสดจริงของบริษัท
การเลือกวิธีคิดค่าเสื่อมราคาที่เหมาะสมยังช่วยให้บริษัทจัดการภาษีได้ดีขึ้น เพราะวิธีเร่งจะให้การหักลดหย่อนภาษีสูงกว่าในปีแรก